สำนักงานวิทยทรัพยากร หอสมุดกลาง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


30 กันยายน 2568

Ship of Mazandarani: เปิดต้นฉบับเปอร์เซียโบราณ เติมหน้าประวัติศาสตร์สยามกลางศตวรรษที่ 17 เผยร่องรอยผู้คน ชีวิต และวัฒนธรรมเปอร์เซียในกรุงศรีอยุธยา จากคอลเลกชันหอสมุดรัฐสภาเตหะราน

 
Thailand and ASEAN Information Center-TAIC-ChulaLibrary-Blog-เปิดหลักฐานใหม่ Ship of Mazandarani เอกสารเปอร์เซียโบราณเผยประวัติศาสตร์สยามกลางศตวรรษที่ 17 จากคอลเลกชันหอสมุดรัฐสภาอิหร่าน กรุงเตหะราน เขียนขึ้นก่อนบันทึก “สำเภากษัตริย์สุลัยมาน” ถึง 12 ปี เติมเต็ม “ช่องว่างทางประวัติศาสตร์” ของชาวเปอร์เซียในสยามระหว่าง ค.ศ. 1670 ถึงต้นค.ศ. 1680s ก่อนความสัมพันธ์สยาม–เปอร์เซียจะเฟื่องฟูถึงระดับรัฐในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช

 
       คนไทยรู้จักบันทึก “สำเภากษัตริย์สุลัยมาน” (Ship of Sulaiman) มานานในฐานะแหล่งข้อมูลสำคัญว่าด้วยความสัมพันธ์สยาม–เปอร์เซียในคริสต์ศตวรรษที่ 17 แต่ล่าสุดมีการค้นพบต้นฉบับเปอร์เซียโบราณ “Ship of Mazandarani” ที่เขียนขึ้นก่อนบันทึกสำเภากษัตริย์สุลัยมาน ถึง 12 ปี! 
 
 
TAIC-BlogPic2-Ship of Mazandarani: เปิดต้นฉบับเปอร์เซียโบราณ เติมหน้าประวัติศาสตร์สยามกลางศตวรรษที่ 17 เผยร่องรอยผู้คน ชีวิต และวัฒนธรรมเปอร์เซียในกรุงศรีอยุธยา จากคอลเลกชันหอสมุดรัฐสภาเตหะราน
 
 
       ในการบรรยายพิเศษหัวข้อ New Evidence about the history of Siam in the 17th century: New People, New Life, and New Culture โดย ดร. มาจิด ดาเนชการ์ รองศาสตราจารย์ประจำสาขาการศึกษาภูมิภาคมหาวิทยาลัยเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น และนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ศาสนา อิสลามศึกษา และเอกสารเปอร์เซียโบราณ ซึ่งจัดโดยศูนย์เอเชียใต้ศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เขาได้นำเสนอหลักฐานใหม่ Ship of Mazandarani เอกสารต้นฉบับ (Manuscript) หมายเลข 2335 ปัจจุบันอยู่ในคอลเลกชันของหอสมุดรัฐสภาอิหร่าน กรุงเตหะราน 
 
Thailand and ASEAN Information Center-TAIC-ChulaLibrary-Blog-เปิดหลักฐานใหม่ Ship of Mazandarani เอกสารเปอร์เซียโบราณเผยประวัติศาสตร์สยามกลางศตวรรษที่ 17 จากคอลเลกชันหอสมุดรัฐสภาอิหร่าน กรุงเตหะราน เขียนขึ้นก่อนบันทึก “สำเภากษัตริย์สุลัยมาน” ถึง 12 ปี เติมเต็ม “ช่องว่างทางประวัติศาสตร์” ของชาวเปอร์เซียในสยามระหว่าง ค.ศ. 1670 ถึงต้นค.ศ. 1680s ก่อนความสัมพันธ์สยาม–เปอร์เซียจะเฟื่องฟูถึงระดับรัฐในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช 

       ดร.ดาเนชการ์ชี้ให้เห็นถึง “ช่องว่างทางประวัติศาสตร์” เกี่ยวกับชาวเปอร์เซียในสยามระหว่าง ค.ศ. 1670 ถึงช่วงต้นของ ค.ศ. 1680s ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่ความสัมพันธ์ระหว่างสยามและเปอร์เซียในระดับรัฐจะเฟื่องฟู นำไปสู่การมาถึงกรุงสยามของคณะราชทูตจากกษัตริย์สุลัยมานแห่งราชวงศ์ซาฟาวิด (Safavid) ช่วงปลายรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และกลายเป็นที่มาของบันทึกสำเภากษัตริย์สุลัยมานที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน 
 
       แตกต่างจากข้อมูลในบันทึกสำเภากษัตริย์สุลัยมานที่เน้นให้ข้อมูลเกี่ยวกับการทูตและเรื่องในสยาม Ship of Mazandarani ฉายภาพกิจกรรมการเผยแพร่วัฒนธรรมเปอร์เซียแขนงต่างๆ ในสยามในศตวรรษที่ 17 ทั้งหัวข้อ รูปแบบวิธีการ และบุคคลที่เกี่ยวข้อง และที่สำคัญคือเอกสารนี้เป็นต้นฉบับตัวจริง ไม่ใช่ฉบับที่ถูกคัดลอกเพื่อเผยแพร่ในภายหลัง เห็นได้จากหลักฐานที่ระบุชื่อผู้เขียน ช่วงเวลาและสถานที่เขียนไว้ละเอียดชัดเจน ทั้งถูกเขียนขึ้นในอิหร่าน อินเดีย ตะนาวศรี สยาม มีแม้กระทั่งข้อความที่ระบุชัดว่าถูกเขียนขึ้น ณ Shahr-i Naw ซึ่งเป็นคำที่ชาวเปอร์เซียใช้เรียกกรุงศรีอยุธยาในคริสต์ศตวรรษที่ 17  
 
       ข้อมูลที่มีบ่งชี้ว่า Ship of Mazandarani เป็นของมูฮัมหมัด ทากี มาซานดารานี (Muhammad Taqi Mazandarani) ซึ่งเป็นทั้งผู้บันทึก ผู้คัดลอกเรียบเรียงและรวบรวมเนื้อหาจากนักเขียนคนอื่นๆ เนื้อหาในเล่มประกอบไปด้วยข้อเขียนหลายประเภท บ้างเป็นบทกวี บ้างเป็นเรื่องเล่า บันทึกและวรรณกรรม ครอบคลุมประเด็นวัฒนธรรม ปรัชญา เทววิทยา ศีลธรรมและการศาสนาของชาวเปอร์เซีย รายชื่อกวีชั้นครูของเปอร์เซียกว่า 30 รายและผลงานก็ได้รับการกล่าวถึงในเล่มเช่นกัน อาทิ  Ferdowsi, Hafiz, Jami และ Wahshi Bafghi ทั้งนี้ก็เป็นไปเพื่อจุดประสงค์ในการส่งเสริมวัฒนธรรมเปอร์เซียอย่างชัดเจน
 
       ที่สำคัญข้อเขียนเหล่านั้นยังถูกบันทึกในรูปแบบอักษรวิจิตรเปอร์เซียและอิสลามหลายรูปแบบ เช่น นัสตาลีค (Nastaliq), เชกัสเต (Shekaste), นัสค (Naskh) และตาลีค (Taliq) ซึ่งบ่งบอกว่ามีผู้คัดลอกอักษรวิจิตรชั้นครูและกลุ่มผู้คัดลอกมืออาชีพในสยามที่ถูกจ้างมาเพื่อทำงานนี้  
 
       ดร.ดาเนชการ์ยังเผยเพิ่มเติมถึงประเด็นศาสนาที่ปรากฏใน Ship of Mazandarani ซึ่งสะท้อนถึงบรรยากาศ ความเคลื่อนไหวด้านศาสนาของชาวเปอร์เซียในสยาม มีทั้งบทคัดลอกร้อยแก้วและร้อยกรองว่าด้วยคำสอนเกี่ยวกับ 12 อิหม่าม บันทึกคำกล่าวสรรเสริญท่านอาลี (Ali) ทั้งยังกล่าวถึงวัฒนธรรม Ta'ziya ซึ่งเป็นพิธีสำคัญของชาวมุสลิมนิกายชีอะห์ จัดขึ้นเพื่อรำลึกถึงการเสียสละของอิหม่ามฮุเซนในอดีต เหล่านี้ล้วนฉายภาพการส่งเสริมและเผยแพร่ศาสนาอิสลามนิกายชีอะห์ในสยามอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งยังอาจชี้ได้ว่าสยามในคริสต์ศตวรรษที่ 17 เป็นพื้นที่ที่มีการแลกเปลี่ยนทางความคิดด้านศาสนาได้อย่างเปิดกว้าง และไม่ถูกกีดกั้นใดๆ
 
       การเผยแพร่วัฒนธรรมเปอร์เซียที่ปรากฏใน Ship of Mazandarani เป็นไปอย่างมีระบบระเบียบ ซึ่ง ดร.ดาเนชการ์เสนอว่านี่อาจเป็นกลวิธีเดียวกับที่อินเดียเผยแพร่วัฒนธรรมออกสู่โลก เพื่อขยายอิทธิพลเปอร์เซียในดินแดนอื่นหรือไม่อย่างไร หากไม่ว่าจะอย่างไร Ship of Mazandarani ก็บอกให้เรารู้ว่าวัฒนธรรมเปอร์เซียในสยามได้หยัดราก เติบโตและแผ่ขยายต่อเนื่องมาเนิ่นนาน ก่อนที่สมเด็จพระนารายณ์จะทรงส่งราชทูตจากสยามไปกรุงเปอร์เซียใน ค.ศ. 1682 และก่อนที่กษัตริย์สุลัยมานจะทรงสนองพระราชไมตรีส่งคณะราชทูตเปอร์เซียมายังสยามในอีกไม่กี่ปีถัดมา

       ในขณะเดียวกัน Ship of Mazandarani ยังสะท้อนถึงมุมมองของนักเดินทางชาวเปอร์เซียที่เห็นว่าสยามคือจุดหมายปลายทางที่มั่นคง ไม่ใช่แค่เมืองท่าสำหรับพักอยู่ชั่วครั้งคราว แต่เป็นศูนย์กลางทางการค้าและวัฒนธรรม เป็นชุมชนที่มีชีวิตชีวาและทรงอิทธิพลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มายาวนานก่อนการมาถึงของมหาอำนาจอาณานิคมตะวันตกในเวลาต่อมา
.
 
Thailand and ASEAN Information Center-TAIC-ChulaLibrary-Blog-เปิดหลักฐานใหม่ Ship of Mazandarani เอกสารเปอร์เซียโบราณเผยประวัติศาสตร์สยามกลางศตวรรษที่ 17 จากคอลเลกชันหอสมุดรัฐสภาอิหร่าน กรุงเตหะราน เขียนขึ้นก่อนบันทึก “สำเภากษัตริย์สุลัยมาน” ถึง 12 ปี เติมเต็ม “ช่องว่างทางประวัติศาสตร์” ของชาวเปอร์เซียในสยามระหว่าง ค.ศ. 1670 ถึงต้นค.ศ. 1680s ก่อนความสัมพันธ์สยาม–เปอร์เซียจะเฟื่องฟูถึงระดับรัฐในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช

   
   ในภาคบ่ายของการบรรยาย ดร.มาจิด ดาเนชการ์ ได้พาผู้ฟังเปิดโลกเอกสารโบราณผ่านหัวข้อ “Southeast Asian Materials in Three Book Cabinets at Cambridge University Library” สำรวจตู้หนังสือหายากของหอสมุดมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ซึ่งบรรจุต้นฉบับจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย เมียนมา และอินโดนีเซีย โดยบางส่วนถือเป็นงานเขียนชุดแรกๆ ที่เดินทางมาถึงยุโรป

ตู้หนังสือทั้งสาม ได้แก่
     •    ตู้เออร์เพนิอุส (Erpenius Cabinet) ศตวรรษที่ 17
     •    ตู้ลูอิส (Lewis Cabinet) ศตวรรษที่ 18
     •    ตู้สก็อต (Scott Cabinet) ศตวรรษที่ 19
 
       ดร.ดาเนชการ์อธิบายว่า ตู้เหล่านี้ไม่เพียงเก็บหนังสือ แต่ยังรวบรวมพืช ตัวอย่างทางการแพทย์และพฤกษศาสตร์ และวัตถุจากตะวันออก จึงมีคุณค่าทางวิชาการและวัฒนธรรมอย่างสูง โดยเฉพาะ ตู้เออร์เพนิอุส ที่เชื่อมโยงกับ โธมัส เออร์เพนิอุส (Thomas Erpenius) นักตะวันออกศึกษาและนักภาษาศาสตร์ชาวดัตช์ ผู้บุกเบิกการศึกษาเอกสารเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเป็นระบบในยุโรป และเป็นคนแรกที่บุกเบิกสาขาวิชาภาษาอาหรับ และภาษาตะวันออก (Oriental Languages) อื่นๆ เช่น เปอร์เซีย และฮีบรู 
 
       เออร์เพนิอุสเชื่อว่าการศึกษาต้นฉบับภาษาอิสลามและภาษาตะวันออกอื่นๆ สำคัญไม่แพ้ภาษาละตินหรือกรีก เพราะความเข้าใจโลกอย่างแท้จริงเกิดจากการเรียนรู้ภาษา ผลลัพธ์ของความมุ่งมั่นนี้นำไปสู่หนึ่งในคอลเลกชันต้นฉบับโบราณที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ครอบคลุมทั้งภาษาอาหรับ มลายู เปอร์เซีย ตุรกี ฮีบรู และภาษาอื่นๆ เนื้อหาในตู้เออร์เพนิอุสมีความหลากหลายตั้งแต่วรรณกรรม วิทยาศาสตร์ ศาสนา ไปจนถึงปรัชญา แสดงให้เห็นถึงแนวคิดการศึกษาข้ามวัฒนธรรมที่เปิดรับเอกสารอิสลามและเอเชียเคียงข้างวรรณกรรมยุโรปและพระคัมภีร์
การบรรยายของดร.ดาเนชการ์ครั้งนี้จึงไม่เพียงพาผู้ฟังสำรวจ “ตู้หนังสือ” อันทรงคุณค่า แต่ยังเชื่อมโยงให้เห็นรากฐานความรู้และเครือข่ายของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับยุโรปตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 อีกด้วย
 
ติดตามผลงานที่เกี่ยวข้องของ ดร.มาจิด ดาเนชการ์ เพิ่มเติมได้ที่ 
        BBC REPORT: www.bbc.com/news/articles
       The University of Cambridge Story: www.cam.ac.uk/stories/endless-stories-rare-manuscripts
        Endless Stories Exhibition Video: www.youtube.com

หนังสือแนะนำอ่านเพิ่มเติม: 
       1.    สำเภากษัตริย์สุลัยมาน : บันทึกของคณะราชทูตเปอร์เชียเข้ามากรุงศรีอยุธยา ( The ship of Sulaiman) / ดิเรก กุลสิริสวัสดิ์ แปล
       2.    The Ship of Sulaiman / John O'Kane; translated from the Persian by John O'Kane
       3.    Family Politics in Seventeenth and Eighteenth Century Siam / David K. Wyatt
       4.    Persian mission to Siam in the reign of King Narai/ Studies in Thai history : collected articles / by David K. Wyatt
       5.    From Isfahan to Ayutthaya : contacts between Iran and Siam in the 17th century / M. Ismail Marcinkowski ; with a foreword by Ehsan Yarshater
       6.    Siamese melting pot : ethnic minorities in the making of Bangkok / Edward Van Roy
       7.    มุสลิมเชื้อสายอินโด-อิหร่านนิกายชีอะฮ์ในประเทศไทย : พัฒนาการทางประวัติศาสตร์และบทบาทในทางสังคมไทย / จุฬิศพงศ์ จุฬารัตน์

สำหรับผู้ที่สนใจสืบค้นต้นฉบับและเอกสารโบราณหายากในยุโรปและประเทศอื่น ๆ ดร. ดาเนชการ์ได้แนะนำลิงก์ดังต่อไปนี้
1. Leiden University Library, the Netherlands, include important sources, some are digited and many still are in the queue.The links:
       A)    Digitized Items (digitalcollections.universiteitleiden.nl)
       B)    Online Catalogue (www.library.universiteitleiden.nl)
       C)    Southeast Asian collection (www.library.universiteitleiden.nl)

2. Oxford University Library (Bodleian) has a wonderful digital database: 
       A)    General digital collection (https://digital.bodleian.ox.ac.uk)
       B)    Shan Buddhist likʻ̐ lūṅʻ manuscripts in UK and SE Asian collections (https://senmai.bodleian.ox.ac.uk)
       C)    A Thai Manuscript (https://digital.bodleian.ox.ac.uk/collections/thai/)

3. Cambridge University Library
       A)    Main digital collection 

4. Royal Asiatic Society 
       A)    Online Collection

5. Catalogue of Manuscripts from Northern Thailand 
       (https://digital.crossasia.org)

6. Digital collections of Thai and Tai manuscripts Online 
       (www.thaimanuscripts.de)

7. Bayerische Staatsbibliothek – Bavarian State Library, Germany
       A)    South-East Asian manuscripts
       B)    Digitized Sampel

8. Staatsbibliothek zu Berlin, Germany
       A)    Southeast Asian Manuscripts 

9. John Rylands Research Institute and Library, Manchester
       A)    Southeast Asia and Australasia Collections 

10. Liverpool University Library 
       A)    Special Collections & Archives: South Asian, Tibetan, Southeast Asia 
 
 
.............................
 
 
 

views 119