สำนักงานวิทยทรัพยากร หอสมุดกลาง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


15 สิงหาคม 2568

จาก “วันของแม่” สู่ “วันแม่แห่งชาติ” : เรื่องเล่าจากงานวันแม่ ปี 2486 และ 2525

 

สรีกรุง, “สรีกรุง วันเสาร์ที่ 16 มกราคม ปี พ.ส. 2486,” D-Library | National Library of Thailand-ภาพประกอบบทความจาก “วันของแม่” สู่ “วันแม่แห่งชาติ” ศูนย์สารสนเทศประเทศไทยและประชาคมอาเซียน Thailand and ASEAN Information Center

 

สรีกรุง, “สรีกรุง วันเสาร์ที่ 16 มกราคม ปี พ.ส. 2486,” D-Library | National Library of Thailand, accessed August 15, 2025, http://digital.nlt.go.th/dlib/items/show/17383.

 

“วันแม่” อาจเป็นวันที่หลายคนจดจำในฐานะวันแห่งความรัก ความผูกพัน และการแสดงความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ แต่เมื่อย้อนกลับไปในอดีต วันแม่ยังเคยเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายรัฐในการสร้างชาติด้วย

 

ย้อนกลับไปในช่วงทศวรรษ 2480 รัฐบาลของจอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้ผลักดันนโยบายสร้างชาติที่เน้นความเข้มแข็งของครอบครัว โดยเฉพาะบทบาทของ “แม่” ในการอบรมเลี้ยงดูพลเมืองดีของชาติ ภายใต้บริบทนี้ “วันของแม่” จึงถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย โดยมีการจัดงาน วันของแม่ ที่สวนอัมพร เมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2486 เพื่อยกย่องคุณค่าของผู้หญิงในบทบาทแม่ พร้อมกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพ การตรวจโรค และการปลูกฝังวัฒนธรรมแบบใหม่ที่รัฐต้องการ เช่น การแต่งงาน การมีบุตร สุขภาพอนามัย และการมีครอบครัวผัวเดียวเมียเดียว

 

หลังจากวันนั้น วันของแม่ก็หายไป จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2493 ประเทศไทยได้เริ่มจัด “วันแม่” ขึ้นอีกครั้งในวันที่ 15 เมษายน และต่อมาในปี พ.ศ. 2519 จึงมีการเปลี่ยนแปลงให้ตรงกับวันที่ 12 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และกลายเป็นวันแม่แห่งชาติที่คนไทยยึดถือสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน (อ้างอิง: นริศ จรัสจรรยาวงศ์. 2475 ราสดรสร้างชาติ. กรุงเทพฯ: มติชน, 2566)

 

บทความนี้ชวนคุณย้อนกลับไปดูงานวันแม่สองช่วงเวลา ช่วงแรกคือ “วันของแม่” ปี 2486 ณ สวนอัมพร และอีกครั้งคือ “วันแม่แห่งชาติ” ปี 2525 ในโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดนครปฐม เพื่อสำรวจว่าบรรยากาศของวันแม่ได้เปลี่ยนไปอย่างไรตามกาลเวลา

 
 
วารสารวัฒนธรรม เล่มที่ระลึก ในงานวันแม่ 15 เมษายน 2497 ภาพประกอบบทความจาก “วันของแม่” สู่ “วันแม่แห่งชาติ” ศูนย์สารสนเทศประเทศไทยและประชาคมอาเซียน Thailand and ASEAN Information Center
 

วันแม่ครั้งแรกของไทย: 10 มีนาคม 2486

 

“งานวันของแม่เนืองแน่นไปด้วยสุภาพชน มีดนตรี กีฬา และการเล่นต่าง ๆ

10 มีนาคม วันของแม่ วันที่แม่ได้รับเกียรติใหญ่หลวง

 

วันนี้ที่สวนอัมพร เนืองแน่นไปด้วยสุภาพสตรีและเด็ก ๆ ซึ่งไปร่วมชุมนุม “วันของแม่” แลไปข้างไหนดูมีชีวิตจิตใจ เสียงหัวร่อต่อกระซิกที่เด็ก ๆ ไปรวมกันประดุจดนตรีที่กล่อมใจ

งานวันของแม่เริ่มต้นเมื่อ 13.30 น. เปิดฉากด้วยดนตรีสากลอันไพเราะของกองทัพอากาศ และสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ในโอกาสนี้ กรมพละศึกษาได้เปิดแสดงลีลาเบ็ดเตล็ดและจัดให้มีการเล่นของเด็ก เป็นการส่งเสริมความครึกครื้นอย่างยิ่ง

ยิ่งสายยิ่งบ่าย สุภาพชนได้หลั่งไหลไปสถานที่งานของแม่จนแน่นขนัด ครั้นถึง 15.00 น. เมื่อแม่และหญิงไทยได้ถึงเวทีโดยพร้อมเพรียงกันแล้ว พันเอกช่วง ชเวงศักดิ์สงคราม ประธานกรรมการได้กล่าวเปิดประชุม ครั้นแล้ว พณฯ พันโทหญิง ล. พิบูลสงคราม ผู้อุปถัมภ์ได้กล่าวสุนทรพจน์ปราศรัย

งานวันนี้ได้ยุติลงในเวลา 18.00 น. ซึ่งรู้สึกว่าค่อนข้างเร็วไป เพราะความสนุกสนานของงานดื่มด่ำผู้ที่ไปร่วมชุมนุมเป็นอย่างมาก” 

 

(ดูรายละเอียดเพิ่มเติมใน: นริศ จรัสจรรยาวงศ์. 2475 ราสดรสร้างชาติ. กรุงเทพฯ: มติชน, 2566.)

 
ภาพประกอบบทความจาก “วันของแม่” สู่ “วันแม่แห่งชาติ” ศูนย์สารสนเทศประเทศไทยและประชาคมอาเซียน Thailand and ASEAN Information Center
 

พ.ศ. 2525: วันแม่แห่งชาติในโรงเรียนวัดศรีมหาโพธิ์

สรุปจาก  บทความเรื่อง “ไปดูเขาจัดงานวันแม่แห่งชาติ” โดย ดร.เย็นใจ เลาหวณิช

 

ในปี พ.ศ. 2525 โรงเรียนวัดศรีมหาโพธิ์ อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ได้จัดงานวันแม่แห่งชาติขึ้นเป็นครั้งแรก บรรยากาศของงานนั้นเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยความตั้งใจ

 

ทางโรงเรียนเริ่มเตรียมงานล่วงหน้าอย่างรอบคอบ มีการเชิญวิทยากรมาบรรยายและฉายภาพยนตร์ รวมถึงให้นักเรียนทุกระดับชั้นเขียนคำขวัญสดุดีแม่ แล้วคัดเลือกผลงานที่ดีที่สุดมาอ่านในวันงาน นอกจากนี้ยังมีการจัดนิทรรศการภาพวาดของเด็ก ๆ เพื่อแสดงความรู้สึกที่มีต่อแม่ และซ้อมนักเรียนกลุ่มหนึ่งให้ร้องเพลง “ค่าน้ำนม” อย่างไพเราะ โดยเลือกนักเรียนที่ร้องดีที่สุดประมาณ 12 คนมาแสดง

 

แม้โรงเรียนจะแจ้งข่าวงานผ่านนักเรียนให้ผู้ปกครองทราบ แต่เพราะเป็นการจัดวันแม่ครั้งแรก ครูจึงเดินไปเชิญผู้ปกครองด้วยตัวเองถึงบ้าน ทำให้ในวันจริงมีผู้ปกครองมาร่วมงานกันแน่นขนัด ส่วนใหญ่เป็นคุณแม่ บางคนอุ้มลูกเล็กมาด้วย บางครอบครัวส่งคุณยายหรือลุงป้ามาแทน

 

สถานที่จัดงานคือใต้ถุนของอาคารเรียนไม้ พื้นปูนเรียบ ๆ ที่ถูกปูเสื่อไว้ให้นักเรียนนั่ง ส่วนผู้ปกครองนั่งเก้าอี้ที่จัดไว้ด้านหนึ่ง เวทีเล็ก ๆ หน้าห้องมีโต๊ะหมู่บูชาที่ประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พร้อมธงชาติ และเก้าอี้สำหรับคุณแม่ที่มานั่งรับการแสดงความเคารพจากลูก

 

เวลา 9 โมง งานเริ่มขึ้นด้วยการปราศรัยจากวิทยากร ซึ่งพูดถึงความเสียสละของแม่ และกล่าวเปิดงาน จากนั้นจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ตามด้วยกิจกรรมสำคัญคือ การอ่านคำขวัญที่เด็กชายพิริยะ ลบแย้ม แต่งขึ้นเอง เขายืนบนโต๊ะอ่านคำขวัญต่อหน้าที่ประชุม แม้จะไม่ถูกหลักฉันทลักษณ์ แต่เนื้อหากลั่นมาจากใจ ทำให้ทั้งห้องเงียบสนิท ก่อนจะจบลงด้วยเสียงปรบมือกึกก้อง

 

หลังจากนั้นเป็นการร้องเพลง “ค่าน้ำนม” โดยกลุ่มนักเรียนที่ซ้อมมา และเข้าสู่พิธีการกราบแม่ เด็ก ๆ ทยอยขึ้นเวทีทีละกลุ่ม นั่งพับเพียบตรงหน้าแม่ ยื่นดอกมะลิ แล้วก้มกราบลงบนเท้า ในขณะที่แม่ลูบศีรษะลูกอย่างแผ่วเบา

 

วิทยากรขอให้แม่ใช้ช่วงเวลานี้ทบทวนถึงวันแรกที่ลูกเกิด จากเด็กตัวน้อยหัวเท่ากำปั้น เติบโตจนวันนี้นั่งอยู่ตรงหน้า และขอให้แม่อวยพรให้ลูกเป็นคนดี ส่วนเด็ก ๆ ก็ร้องเพลง “ค่าน้ำนม” ไปพร้อมกับเสียงสะอื้น หลายคนร้องไห้ หลายคนยิ้มทั้งน้ำตา บางคนต้องหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา เสียงเพลงกับเสียงสะอื้นประสานกันเป็นบรรยากาศที่เงียบและกินใจอย่างยิ่ง…

 

เรื่องราวของวันแม่ในปี 2486 และ 2525 สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิด บรรยากาศ และความหมายของวันแม่ที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย หากคุณสนใจอ่านต้นฉบับหรือค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับวันแม่และประวัติศาสตร์สังคมไทย สามารถแวะมาได้ที่ศูนย์สารสนเทศประเทศไทยและประชาคมอาเซียน (TAIC) ชั้น 6 สำนักงานวิทยทรัพยากร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

1.นริศ จรัสจรรยาวงศ์. 2475 ราษดรสร้างชาติ. กรุงเทพฯ: มติชน, 2566. ????:https://library.car.chula.ac.th/record=b2340311

2.Laohawanit, Yenchai. Observing National Mothers' Day Preparation. Bangkok: Government House, Office of the Prime Minister, 1983. ????https://library.car.chula.ac.th/record=b1022414

3.วารสารวัฒนธรรม เล่มที่ระลึก ในงานวันแม่ 15 เมษายน 2497 ????https://digiverse.chula.ac.th/Info/item/dc:4772


 

views 27